หนึ่งในอาวุธที่อเนกประสงค์ที่สุดในช่วงสงครามโลกครั้งที่
2 ทั้งใช้ต่อสู้อากาศยาน,ต่อสู้รถถังและเป็นปืนใหญ่
จากสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อเยอรมันเป็นผู้แพ้สงคราม
สนธิสัญญาแวร์ซายด์ได้ห้ามให้เยอรมันพัฒนาอาวุธ บริษัท Krupp เลยส่งวิศวกรไปร่วมวิจัยกับบริษัท Bofors ของสวีเดนเพื่อซิกแซกแทน
ในตอนแรกนั้นมันถูกออกแบบมาให้เป็นปืนต่อสู้อากาศยานแต่มันก็สามารถบรรจุกระสุนต่อสู้ยานเกราะได้
ผลงานของมันในแอฟริกาเหนือนั้นมากมายดังเห็นได้จากปฏิบัติ การ Battleaxe ของอังกฤษ
พวกเขาสูญเสียรถถังไป 90 คันจาก 190 คันรวมทั้งทหารอีกกว่า
1,000 นายจากปืน 88mm เพียงอย่างเดียว มันมีอัตราการยิงสูงสุดถึง
20 นัดต่อนาทีส่งกระสุนแดงร้อนออกจากปากกระบอกด้วยความเร็วกว่า
820 m/s เพียงพอที่จะจัดการยานเกราะสัมพันธมิตรได้ทุกคันตั้งแต่ระยะ
14 กิโลเมตร นายทหารเยอรมันนายหนึ่งให้ข้อมูลหลังโดนจับว่า
"ผมเป็นผู้บัญชาการประจำอยู่บนเนินลูกหนึ่ง พวกเรามีปืน 88mm อยู่ 6 กระบอกคอยดักยิงรถถังอเมริกันที่ผ่่านเข้ามาและเราน็อคมันได้ทุกคันแต่เมื่อพวกเรายิงจนกระสุนหมดแล้วรถถังอเมริกันกลับไม่หมด"
ข้อเสียข้อใหญ่ ๆ ของมันการน้ำหนักที่มากเสียจนเคลื่อนย้ายลำบากทางกองทัพเยอรมันเลยโอนรถกึ่งสายพานแบบ
SdKfz 6 ไปให้ใช้ขนย้ายแทนขับไปขับมายิ่งเปลืองน้ำมันแถมก็ยังขนกระสุนไปไม่ได้มากจึงต้องการการส่งกำลังบำรุงอีกก็ว่ากันไป
นอกจากลากจูงแล้วมันยังถูกติดตั้งบนตัวถังยานเกราะชนิดต่าง ๆ
หลายชนิดกลายเป็นปืนอัตตาจรไป ที่จริงแล้ว 88mm นี้เป็นชื่อเรียกรวม
ๆ ของปืนในตระกูลนี้มากกว่าเพราะมีรุ่นย่อยมากมายทั้ง 18, 36, 37 ฯลฯ
เจ้าปืนอเนกประสงค์ชนิดก็นี้พิสูจน์ประสิทธิภาพของมันจนถึงวันสุดท้ายของอาณาจักรไรซ์ที่
3
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น